ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น สคร.9 นครราชสีมา เตือนประชาชนขอให้ป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด โดยทายากันยุง สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด หากนอนค้างคืนในป่า เขา ไร่ นา ควรนอนในมุ้ง หากป่วยเป็นไข้เลือดออกขอให้รีบไปพบแพทย์ ห้ามรับประทานยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งอาจมีผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงอาการของโรคไข้เลือดออกว่า เกิดจากยุงลายเป็นพาหะนำโรค ทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 39-40 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หน้าแดง อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา นอกจากนี้ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร ส่วนใหญ่ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ต่อมาไข้จะลดลง ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้
สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 26 กรกฎาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 31,183 ราย อัตราป่วย 48.26 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 29 ราย ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต คือ มีโรคประจำตัว ได้รับยาลดไข้ NSAIDs ไปโรงพยาบาลช้า ติดสุรา และมีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน
สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในเขตสุขภาพที่ 9 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม –26 กรกฎาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 3,139 ราย อัตราป่วย 47.35 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้
1) จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วยสะสม 1,142 ราย อัตราป่วย 43.57 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
2) จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วยสะสม 806 ราย อัตราป่วย 52.36 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
3) จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วยสะสม 947 ราย อัตราป่วย 69.08 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีผู้เสียชีวิต
4) จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วยสะสม 244 ราย อัตราป่วย 22.23 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีผู้เสียชีวิต
กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ 10-14 ปี รองลงมาคือ 5-9 ปี และ 15-24 ปี
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด โดยทายากันยุง สวมเสื้อผ้ามิดชิด นอนในมุ้ง หรือติดมุ้งลวดในบ้าน และหลีกเลี่ยงสถานที่มียุงชุกชุม หากค้างคืนในป่า เขา ไร่ นา ต้องนอนในมุ้ง หรือหามุ้งคลุมเปล หากมีอาการสงสัยโรคไข้เลือดออก เช่น มีไข้สูงเกิน 39-40 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา หน้าแดง คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีผื่นหรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว แขน ขา ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ยาลดไข้ที่ปลอดภัยคือยาพาราเซตามอล ตามขนาดยาที่กำหนด ควรหลีกเลี่ยงยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งอาจมีผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร และยากต่อการรักษา หากรับประทานยาลดไข้หรือเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด ภายใน 1-2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
“ตรวจจับเร็ว ตอบโต้ทัน ป้องกันได้”