ช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีน้ำท่วมขังหรือดินเปียกชื้น สคร.9 เตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เกษตรกร หรือผู้ที่ทำงานสัมผัสดินและน้ำโดยตรง ไม่ควรเดินลุยน้ำด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำเป็นเวลานานเพื่อป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ นาข้าว ท้องไร่ แปลงผัก สวนยาง และบ่อน้ำ หากต้องทำงานสัมผัสกับดินและน้ำที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน หรือมีบาดแผลขีดข่วน ควรสวมรองเท้าบูทเพื่อป้องกัน และเมื่อเสร็จภารกิจให้รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที และหากมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 5 วัน ควรรีบพบแพทย์
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดินว่า เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย (Burkholderia pseudomallei) พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ นาข้าว ท้องไร่ แปลงผัก สวนยาง ทั่วทุกภาคในประเทศไทย เชื้อดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1.การสัมผัสน้ำหรือดินที่มีเชื้อปนเปื้อน 2.ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป 3.สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อเฉพาะที่ หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะและเสียชีวิตได้
สถานการณ์โรคเมลิออยด์ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 19 กันยายน 2566 มีผู้ป่วย จำนวน 2,751 ราย มีผู้เสียชีวิต 48 ราย ส่วนใหญ่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 16 กันยายน 2566 มีผู้ป่วย จำนวน 450 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย (นครราชสีมา 1 ราย และบุรีรัมย์ 1 ราย) แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 93 ราย 2) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 37 ราย 3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 98 ราย 4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 222 ราย
อาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ เกษตรกร ร้อยละ 53.78 รองลงมาคือ รับจ้าง ร้อยละ 25.33 และเด็กเล็ก ร้อยละ 6.67 ตามลำดับ
กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป อัตราป่วย 19.08 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55 - 64 ปี อัตราป่วย 16.09 ต่อประชากรแสนคน และกลุ่มอายุ 45 - 54 ปี อัตราป่วย 9.66 ต่อประชากรแสนคน
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบูทหรือถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง หากมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากทำงานหรือลุยน้ำ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยและรักษาทันทีตามอาการและความรุนแรงของโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422