สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา
Responsive image

คนท้อง!! ระวังยุงลายกัด เสี่ยงติดเชื้อไวรัสซิกา ทารกเสี่ยงพัฒนาการช้า

         ในช่วงนี้ยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนำโดยยุงลายเป็นระยะ ทั้งโรคไข้เลือดออก และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งโรคติดเชื้อไวรัสซิกาสามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเฝ้าระวังและป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด เพราะหากแม่ติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้เด็กที่คลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น หากมีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์

         นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคติดเชื้อไวรัสซิกาว่า โรคนี้มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทำให้ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และสามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ ทารกเกิดความพิการทางสมองและระบบประสาท ส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น

         สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์ 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 64 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต พบผู้ป่วยครบทุกภาค กระจายใน 19 จังหวัด โดยพบอัตราป่วยสูงสุดในภาคกลาง รองลงมา คือ ภาคใต้ และภาคเหนือ ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในเขตสุขภาพที่ 9 ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย

         นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าในเขตสุขภาพที่ 9 ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัส  ซิกา แต่เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง จึงขอแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ควรป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัดด้วยการทายา   กันยุง และไปฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์จนกว่าจะคลอด หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิกาต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูตินรีแพทย์ ในประชาชนทั่วไปขอให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และในชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ 1) เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก 2) เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3) เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมถึงทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย และขอให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ได้แก่ ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด มารับประทาน และให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


ข่าวสารอื่นๆ