สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เตือนประชาชนและนักท่องเที่ยว อย่าจับหรือสัมผัส กับ “มังกรทะเลสีน้ำเงิน” (Blue Dragon) หรือ ทากทะเลชนิด Glaucilla sp. มีพิษเป็นอันตรายถึงชีวิต หลังพบถูกคลื่นซัดขึ้นชายฝั่งบริเวณหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต
แพทย์หญิงดารินดา รอซะ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เผยว่า จากกรณีที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) ได้รับแจ้งจากเครือข่ายและเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ว่าพบมังกรทะเลสีน้ำเงินถูกคลื่นซัดขึ้นบริเวณชายหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต และได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบทากทะเลชนิดดังกล่าวคือ Glaucilla sp. พร้อมกับแมงกะพรุนกะลาสี (Velella velella) แมงกะพรุนแว่นตาพระอินทร์ (Porpita porpita)
และแมงกะพรุนหัวขวด (Bluebottle Jellyfish) ชนิด Physalia sp.
แพทย์หญิงดารินดา กล่าวเพิ่ม มังกรทะเลสีน้ำเงิน เป็นทากทะเลลำตัวสีน้ำเงินสลับสีขาว กินสัตว์ทะเลที่มีพิษเป็นอาหาร ทำให้มังกรทะเลสีน้ำเงินมีสีสันสวยงาม แม้จะมีขนาดเล็กแต่มีนิสัยดุร้าย มีพิษอันร้ายแรงที่จะเข้าไปทำลายระบบประสาทการทำงานของหัวใจและเซลล์ผิวหนัง มังกรทะเลสีน้ำเงินจะสะสมพิษจากสัตว์ที่กินเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมงกะพรุนพิษ ที่มีฤทธิ์คล้ายกับแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หากสัมผัสถูกผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง จัดเป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก
ทั้งนี้หากพบเห็นมังกรทะเลสีน้ำเงิน หรือ ทากทะเลสีน้ำเงิน บนชายหาดหรือในทะเล ห้ามเข้าใกล้หรือสัมผัสเด็ดขาด ให้แจ้งไลฟ์การ์ดบริเวณหาด หรือแจ้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) สำหรับการป้องกันก่อนลงเล่นน้ำ
ให้ปฏิบัติตามป้ายเตือนบนชายหาดอย่างเคร่งครัด สวมเสื้อผ้ามิดชิด ลงเล่นน้ำในบริเวณที่ปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้เท่านั้น หากถูกพิษให้ใช้น้ำส้มสายชู ราดลงบนแผลอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วินาที เพื่อยับยั้งการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ได้ถูกยิง และรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ห้ามถู ห้ามขัดแผลด้วยทราย ผ้า หรืออย่างอื่น และห้ามใช้น้ำจืดหรือแอลกอฮอล์ราดแผล เพราะจะยิ่งกระตุ้นการยิงพิษ นอกจากนี้ขอให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ระมัดระวังหากพบเจอแมงกะพรุนหัวขวด
มักพบแมงกะพรุนกลุ่มนี้หลังจากการพบเจอทากทะเลสีน้ำเงิน ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 “กรมควบคุมโรคห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี”