วันที่ 25 เมษายน ของทุกปี เป็นวันมาลาเรียโลก (World Malaria Day) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญทางสาธารณสุขของไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขร่วมรณรงค์ วันมาลาเรียโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด “ยุติมาลาเรียไปด้วยกัน: ต่อยอดความมุ่งมั่น จุดพลังฝัน สร้างสรรค์สู่อนาคต” หรือ “Malaria Ends With Us: Reinvest, Reimagine, Reignite.” เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของโรคไข้มาลาเรีย และสร้างความเชื่อมั่นในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียให้หมดไปจากประเทศไทย
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคไข้มาลาเรียว่า เกิดจากเชื้อพลาสโมเดียม โดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ ซึ่งมักอาศัยอยู่ตามพื้นที่ป่าเขา พื้นที่การเกษตร สวนที่ติดกับชายป่า สวนยางพารา และอุทยานทางธรรมชาติ ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ของโรคไข้มาลาเรีย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ผู้ที่ชอบเดินป่า และประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายป่า อาการของโรคไข้มาลาเรีย คือ เมื่อผู้ป่วยถูกยุงก้นปล่องตัวเมียกัด จากนั้นประมาณ 10-14 วัน จะมีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออก ปวดศีรษะเป็นพักๆ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ในผู้ป่วยเด็กอาจซึม หากไปพบแพทย์ทัน สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยาในเวลาไม่นาน แต่หากไปพบแพทย์ช้า ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะมาลาเรียขึ้นสมอง ภาวะปอดบวมน้ำ ภาวะไตวาย ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้ โดยสถานการณ์โรคไข้มาลาเรียในเขตสุขภาพที่ 9 ปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือนวันที่ 1 ตุลาคม 2567-มกราคม – 31 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียจำนวน 4 ราย ในจังหวัดนครราชสีมา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงโรคไข้มาลาเรีย 10 - 14 วัน แล้วมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยร่างกาย คลื่นไส้และเบื่ออาหาร ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่โรงพยาบาล ซึ่งมีขั้นตอนคือ การเจาะเลือดหาเชื้อ หากพบเชื้อจะได้รับยา และกินยาให้ครบตามแพทย์สั่ง มาตรวจเลือดซ้ำตามแพทย์นัด และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการควบคุมยุงพาหะ ในพื้นที่ให้คลอบคลุมทุกหลังคาเรือน เร่งค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในพื้นที่ ดำเนินการตามมาตรการ 1-3 -7 และเฝ้าระวังการกลับมาแพร่เชื้อใหม่ในพื้นที่ และสำหรับประชาชนเมื่อต้องเข้าป่า หรือไปในพื้นที่เสี่ยงควรป้องกันตนเอง ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าปกคลุมแขนขาให้มิดชิด ใช้ยาทากันยุงหรือจุดยากันยุง เมื่อต้องนอนค้างคืนในป่า ควรนอนในมุ้ง โดยมุ้งต้องอยู่ในสภาพดีไม่มีรูขาด รวมทั้งนำมุ้งไปชุบสารเคมีที่มีฤทธิ์ไล่และฆ่ายุง หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร